อุปกรณ์ป้องกันทางไฟฟ้า คืออุปกรณ์ที่ช่วยป้องกันอันตรายที่เกิดจากไฟฟ้า โดยสามารถป้องกันความเสียหายของเครื่องใช้ไฟฟ้า เมื่อเกิดไฟฟ้าลัดวงจร หรือมีกระแสไฟเกิน และป้องกันอันตรายแก่ผู้ใช้ไฟฟ้า ในกรณีที่ไฟฟ้าดูด ไฟฟ้ารั่ว เพราะกระแสไฟฟ้าจะทำอันตรายต่อการทำงานของหัวใจและสมอง อาจจะทำให้หยุดหายใจจนถึงขั้นเสียชีวิตได้ ดังนั้นอุปกรณ์ป้องกันทางไฟฟ้าจึงมีความจำเป็นโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีระบบไฟฟ้าใหญ่ขึ้น กระแสไฟฟ้าที่ไหลในวงจรก็จะสูงมาก ทำให้มีอันตรายมากขึ้นตามไปด้วย ซึ่งอุปกรณ์ป้องกันทางไฟฟ้านั้นมีหลายชนิดและมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน เพื่อให้มีประสิทธิภาพในการป้องกันอันตรายจากไฟฟ้าได้ดียิ่งขึ้น
ในอดีตอุปกรณ์ป้องกันทางไฟฟ้ามักผลิตจากวัสดุธรรมดา เช่น ไม้ กระเบื้อง พลาสติก ที่ไม่สามารถทนต่อกระแสไฟฟ้าที่มีแรงดันสูงได้ และมีให้เลือกเพียงไม่กี่ชนิดเท่านั้น แต่ปัจจุบันมีการพัฒนาทางด้านวัสดุ ทำให้อุปกรณ์ดังกล่าวมีความสามารถสูงขึ้น ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพด้านของความปลอดภัยในการป้องกันความเสียหายที่จะมาสู่เครื่องใช้ไฟฟ้าและคน ทั้งยังปรับปรุงคุณภาพอยู่เสมอเพื่อให้สอดคล้องกับสภาพแวดล้อมของโรงงานอุตสาหกรรมและการใช้งานต่างๆ เนื่องจากปัจจุบันภาคอุตสาหกรรมมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง และมีปริมาณการใช้ไฟฟ้าค่อนข้างสูง ดังนั้นจึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องใช้อุปกรณ์ป้องกันทางไฟฟ้าที่มีประสิทธิภาพสูง ตัวอย่างเช่น มีคุณสมบัติด้านความยืดหยุ่นที่ดีขึ้น ทนต่อสารเคมี ป้องกันการรั่วของกระแสไฟฟ้า และเป็นฉนวนไฟฟ้าสูง ในขณะเดียวกันก็ต้องสามารถทนไฟได้ภายใต้สภาวะการใช้งานจริง สามารถทนแสง UV และไม่ทำปฏิกิริยาเมื่อได้รับผลกกระทบจากรังสีภายนอก ป้องกันความชื้น การกัดกร่อน และแรงบีบอัดในเวลาเดียวกัน
นอกจากการพัฒนาในด้านวัสดุแล้ว ความก้าวหน้าของเทคโนโลยีที่บรรจุอยู่ภายใน ส่งผลให้อุปกรณ์ป้องกันทางไฟฟ้ามีให้เลือกหลายประเภทตามรูปแบบการใช้งาน อาทิ “ฟิวส์” ซึ่งเป็นอุปกรณ์ป้องกันกระแสไฟฟ้าเกินและป้องกันการลัดวงจร ในอดีตนั้นเราพบว่าจะมีฟิวส์เพียงไม่กี่ชนิดสำหรับใช้ภายในที่อยู่อาศัย เช่น ฟิวส์กระเบื้อง ฟิวส์ใบมีด แต่ปัจจุบันฟิวส์ถูกพัฒนาให้เป็น High Voltage สำหรับใช้ในอุตสาหกรรมที่มีความหลากหลายมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ในความหลากหลายนั้นยังถูกพัฒนาให้มีความเฉพาะเจาะจงเพื่อให้ใช้งานได้กับเครื่องใช้ไฟฟ้าบางประเภทเท่านั้น อาทิ เครื่องใช้ไฟฟ้าประเภทอิเล็กทรอนิกส์ คอมพิวเตอร์ โทรคมนาคม อุปกรณ์ทางการแพทย์ และระบบเน็ตเวิร์คต่างๆ เป็นต้น
โดยเฉพาะคอมพิวเตอร์นั้นปัจจุบันเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีความสำคัญต่อบุคคลและองค์กรณ์ ในด้านการเก็บข้อมูลที่เป็นหัวใจหลัก อย่างผลประกอบการ ตัวเลขทางบัญชี สัญญา ที่อยู่และเบอร์โทรศัพท์ของลูกค้า ฯลฯ อุปกรณ์ป้องกันทางไฟฟ้าจึงต้องมีการปรับปรุงเทคโนโลยีให้เทียบเท่า เพื่อการรักษาความปลอดภัยในฐานข้อมูล โดยเริ่มมีวิวัฒนาการในการประดิษฐ์เครื่องสำรองไฟ หรือ UPS (Uninterruptible Power Supply) เพื่อกำหนดให้พลังงานไฟฟ้ามีเสถียรภาพ และมีการคิดค้นอุปกรณ์ป้องกันไฟกระชากแรงดันสูงชั่วขณะ (Surge Protector) ซึ่งช่วยลดแรงดันไฟฟ้าและกระแสไฟฟ้าที่สูงขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงเวลาสั้นๆ เช่น ฟ้าผ่า ซึ่งทำให้เกิดพลังงานที่สูงมากจนสามารถส้างความเสียหายต่อคอมพิวเตอร์ และเครื่องมือเครื่องใช้ในการควบคุมการประมวลผลต่างๆ ได้ ยังผลให้มนุษย์สามารถใช้เทคโนโลยีภายใต้ปรากฎการณ์ทางธรรมชาติทุกรูปแบบ
นอกจากนี้ อุปกรณ์ป้องกันทางไฟฟ้าในปัจจุบันมีการติดตั้งระบบอิเล็กทรอนิกส์พ่วงต่อกับคอมพิวเตอร์ และอุปกรณ์สำนักงาน เช่น PC, SERVER, MODEM, PRINTER, FAX เพื่อช่วยอำนวยความสะดวกให้กับผู้ใช้งาน และระบบต่างๆ ยังถูกคิดค้นให้สามารถทำงานได้หลากหลายภายในเครื่องเดียวกัน ในด้านของดีไซน์ก็มีการพัฒนาเช่นกัน โดยมีการออกแบบอุปกรณ์ป้องกันทางไฟฟ้าที่เน้นใช้งานง่ายไม่ยุ่งยาก มีฟังก์ชั่นการทำงานที่ทันสมัยดูเข้าใจง่าย ไม่ซับซ้อน สามารถแสดงผลการทำงานต่างๆ บนจอ LCD ที่ทันสมัยได้ไม่ว่าจะเป็นตัวเลขแรงดันไฟฟ้าขาเข้าและขาออก กราฟค่าความถี่ ระดับการใช้งานต่างๆ และยังมีสัญญาณเตือนเมื่อมีเหตุขัดข้อง ทำให้ผู้ใช้รับรู้ถึงสิ่งผิดปกติต่างๆ ได้ทันท่วงทีในกรณีเจอปัญหาไฟฟ้าดับหรือปัญหาทางไฟฟ้าอื่นๆ นอกจากนี้ยังมีส่วนเก็บข้อมูลที่สามารถย้อนดูประวัติของกระแสไฟที่จ่ายเข้าได้อย่างละเอียดเพื่อวิเคราะห์และวางแผนการใช้งานคอมพิวเตอร์ได้อย่างปลอดภัย
อุปกรณ์ป้องกันทางไฟฟ้านอกจากจะพัฒนาให้มีประสิทธิภาพในด้านของกระบวนการผลิตและการใช้งานแล้ว ปัจจุบันยังถูกพัฒนาให้มีความคุ้มค่าทางด้านพลังงานและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมด้วยเทคโนโลยีประหยัดพลังงาน ที่เราสามารถดูสัญลักษณ์ได้จากสติ๊กเกอร์ Green Label ซึ่งถือเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับอนาคต เพราะแต่เดิมอุปกรณ์ป้องกันทางไฟฟ้ามักก่อให้เกิดการสูญเสียพลังงานไฟฟ้าโดยเปล่าประโยชน์ ซึ่งนำไปสู่การใช้พลังงานอย่างฟุ่มเฟือย และการสูญเสียรายจ่ายโดยไม่จำเป็น แต่ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัยในปัจจุบันทำให้เราสามารถรักษาพลังงานละค่าใช้จ่ายไว้ได้อย่างคุ้มค่า
ปัจจุบันเราไม่สามารถปฎิเสธได้ว่า “ไฟฟ้า” มีบทบาทสำคัญในการใช้ชีวิตประจำวันและขับเคลื่อนธุรกิจ และอุปกรณ์รวมทั้งเครื่องใช้ไฟฟ้าส่วนใหญ่มักมีความไวต่อความผิดปกติของกระแสฟ้าที่ได้รับสูงมาก แต่ในอดีตที่ผ่านมาเราก็ได้แต่เพียงเฝ้าดูการชำรุดและเสียหายของอุปกรณ์ต่างๆ เหล่านั้น รวมถึงทำใจให้ยอมรับต่อการสูญเสียที่เป็นผลมาจากภัยของไฟฟ้า แต่เมื่อเวลาผ่านไป อุปกรณ์ป้องกันทางไฟฟ้ามีการพัฒนามากขึ้น ส่งผลให้เรามีเครื่องมือที่ดีขึ้นในการรับมือกับภัยทางไฟฟ้า ดังนั้นผู้ที่เกี่ยวข้องกับไฟฟ้าจึงควรหันมาติดตั้งอุปกรณ์ป้องกันทางไฟฟ้าเพื่อความปลอดภัย โดยควรศึกษาข้อมูลให้ชัดเจนก่อนตัดสินใจ และเลือกดูตามความเหมาะสมของงานแต่ละประเภท ที่สำคัญควรทำตามข้อแนะนำที่ติดมากับคู่มือการใช้งานอย่างเคร่งครัด และให้ผู้ที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญทำการติดตั้งอย่างถูกวิธี และในการใช้อุปกรณ์ทางไฟฟ้าแต่ละครั้ง ผู้ใช้จะต้องไม่ตั้งมั่นอยู่ในความประมาท เพราะหากผู้ใช้ไม่ใส่ใจในความปลอดภัยของตนเองแล้ว ต่อให้มีอุปกรณ์ป้องกันทางไฟฟ้าที่ทรงประสิทธิภาพสูงขนาดไหนก็ไม่สามารถที่จะช่วยป้องกันอันตรายได้อย่างเต็มความสามารถ